วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2563

บังตา

แม่ชีเมี้ยนตรัสชี้ มนุษย์วิ่งพล่านไปทั่วจักรวาล ค้นหาสิ่งที่ช่วยตน หาเจอไม่ พระภูมีทรงค้นพบ ตนของตนนั่นแหละ ค้นแล้วช่วยตนได้

หลวงพ่อนิพนธ์อรรถาธิบาย พฤติกรรมของมนุษย์ในการดูแลสุขภาพ ก็เฉกเช่นเดียวกัน มนุษย์เชื่อวางใจ เอาชีวิตตนไปวางไว้กับผู้อื่น ว่าเขาจะช่วยตนได้ จะมียา จะมีอภินิหารเป่าคาถา มีพรช่วยตนได้

ที่ไหนว่าดี ที่ไหนว่าศักดิ์สิทธิ์ ทำอย่างนั้นดี ทำอย่างนี้ดี ใครกล่าวก็ทำตามหมด

โควิด เป็นเครื่องพิสูจน์ ว่าพฤติกรรมความเชื่อนั้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทีคนทั้งโลกยึดถือมาทั้งชีวิต ไม่มีตัว ไม่มีตน ทำแล้วไม่มีผลช่วยตนไม่ได้เลย

หรือไม่ก็ทำไม่ถูกร่อง ฉะนั้นผลดีที่สุด จบแค่กรรมดี แต่ท่านว่ากรรมดี แก้กรรมชั่ว ไม่ได้

บทสรุป ท่านชี้ว่า พุทธดำรัส สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ไม่มีอะไรทำลายได้ วิทยาการที่มุ่งฆ่าเชื้อโรค ย่อมเดินผิดทาง ยิ่งทำเชื้อก็ยิ่งกลาย เพื่อดำรงอยู่ แลแม้นถูกฆ่า ตายแล้วก็เกิดใหม่ ไม่เชื่อหรือ เชื้อก็มีพรหมลิขิตกรรม เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองตน

คนทั้งหลายดีใจ หายาฆ่าเชื้อได้ เพราะเขาไม่เชื่อกรรม นั่นย่อมหมายถึงปฏิเสธกรรม กั้นสะสมกรรมไว้ แต่เขาต้องอยู่ต้องมีอายุขัย นั่นแปลว่า เชื้อต้องพัฒนาตน เมื่อหวนกลับ ไม่อยากนึก อะไรรออยู่

ถ้าเชื่อพระพุทธเจ้า เราทำไว้เราควรยอมรับด้วยขันติ อดทน ทานสมุนไพร เปลี่ยนพฤติกรรมนิสัย สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ทนกับอาการได้ ถึงเวลาเชื้อหมดอายุขัย อ่อนกำลัง ตายไปเอง

หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ว่า นี่แลหลักสมุนไพร คือ การธำรงตนไว้ให้อยู่ได้ จนโรคมันตายไปนั่นเอง นี่แหละหายโรค

ไม่ใช่หาทางฆ่าเชื้อ หรือเร่งวันเร่งคืน ให้หาย เพราะธรรมชาติ ท่านอุปมา ปลูกพริกเอาผลยังต้องรอสามสิบวัน จะเร่งสักฉันใด ก็คงไม่เร็วขึ้นตามใจอยากเป็นแน่แท้

ไม่อยากให้เป็น แต่ระวังโรคโควิดหวน โดยเฉพาะในคนที่เคยติด เพราะนั่นหมายถึง เขากลายเป็นเชื้อเฉียบพลันนั่นเอง

คนไทยบอกเป็นคนพุทธ กราบไหว้ บอกว่าตนเชื่อ ศรัทธา แล้วอะไรบังตา บังใจ ไม่เรียนวิธีแก้ทุกข์ ไม่ทำตนช่วยตน แต่ไปรอ หวังให้ผู้อื่นช่วย

เอาแต่คนเชื่อ มาใช้ศาสตร์พระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา แล้วดู ว่าใครจะได้ยืนหัวเราะทีหลัง และดังกว่า

วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2563

ไม่จบ

แม่ชีเมี้ยนตรัสชี้ พระภูมีพิจารณากรรม คือพิจารณาเหง้าของนิสัย ที่สร้างกรรมแล้วตัดนิสัยอันลงนั้นลง

หลวงพ่อนิพนธ์ อรรถาธิบาย ทำไมคนทั้งหลายจึงต้องทานสมุนไพรไม่มีวันจบ หรือที่เรียกว่าติดสมุนไพร หรือขาดสมุนไพรไม่ได้


เพราะคนเหล่านั้นไม่พิจารณา ไม่เชื่อว่าเหตุแห่งโรคคือกรรม มนุษย์มีกรรมเป็นอำนาจ ดลบันดาลโรค เพื่อสร้างทุกข์ตามกรรมที่ทำมา

ตราบใดที่ยังสร้างกรรม อำนาจกรรมก็สร้างทุกข์ ทีนี้จะหนีทุกข์ใช้สมุนไพรไปล้างโรค แต่ไม่พิจารณาเลยว่า ทุกข์ที่จะพึงบังเกิดไม่จำเป็นต้องเป็นโรคปัจจุบันนี้ หายโรคนี้เป็นโรคใหม่ หรืออุบัติภัยใดๆก็สร้างทุกข์

ทีนี้ย้อนมาดูทุกข์ที่คนทั้งโลกเผชิญ ทุกข์จากโรคนั้นยังไม่ถึงตัว แต่ทุกข์ใจนั้นมหาศาล ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ก็ด้วยผลแห่ง โซเชียลมีเดีย นั่นเอง ตัวเห็นผิดเห็นถูกวิ่งว่อนไปทั่วโลก ไม่มีพรหมแดน อยู่คนละทวีปไม่เคยเห็นหน้าเห็นตัวก็ไปสร้างทุกข์ให้เขาได้ พฤติกรรมมนุษย์มันก็ไม่ต่างกับโควิด ไม่เห็นตัวก็สร้างทุกข์กับเราได้

บทสรุป ตราบใดที่เราท่านยังสร้างกรรม และไม่มีการกระทำใดๆเพื่อลดหรือใช้กรรมที่ทำมา จะให้ทุกข์นั้นหายไป คงเป็นไปไม่ได้

พรปีใหม่ของแม่ชีเมี้ยน ความตอนหนึ่งทรงตรัสสอนว่า จะทำสิ่งไรพิจารณาผลของการกระทำอันนั้นเสียก่อน สิ่งที่กระทำควรเลือกแต่สิ่งที่ทำแล้วให้ผลสุขแก่ตน

ท่านอาสิ สอนให้ทำ "ไม่โกรธ ไม่ติเตียน" ถ้าฟัง พิจารณา เชื่อ ก็ลดกิริยาลง เราไม่ทำตนเหมือนคนทั้งโลกด้วยเชื่อธรรมคำสอน เราก็ไม่เป็นแบบคนทั้งโลก โควิดเขาไม่มาถึงเราหรอก เพราะกรรมเขาไม่เกาะคนมีธรรม

แต่ถ้าทานสมุนไพร ทานไปสร้างกรรมไป เล่นปล่อยตนบรรเลงตามนิสัยตน ไม่ลดกิริยาลงแม้นแต่น้อย เราขนหัวลุก ด้วยคำของหลวงพ่อนิพนธ์ที่กล่าว "เอ็งจะเห็นคนตาย ตายทั้งที่ปากยังทานสมุนไพรนี่แหละ"

ทำไมเราจึงเชื่อว่าไม่จบ ก็มนุษย์มุ่งหายา มุ่งพิชิตโรค แต่ไม่คิดพิชิตกรรมนิสัยตนลงมาแม้นแต่น้อย นั้นพฤติกรรม ท้าทายกรรม ท่านว่า "อยู่ใต้ฟ้าอย่าท้าฝน เกิดเป็นคนอย่าท้ากรรม"

นึกหรือว่าถ้าโควิดไป แล้วจะไม่มีอะไรมา นี่มันแค่หน้าม่าน กรรมตัวแม่ของจริงยังไม่มา

"มีแต่ธรรมพระภูมี จึงชนะกรรมได้" แล้วทำไมเรารู้แต่เราไม่ทำ อยากถึงสุข แต่ปฏิเสธธรรม อยากได้แต่ไม่อยากทำ จะไปโดยวิธีใด

รอยารักษาโรค รอไปเถอะ ไม่มีวันถึง

วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2563

เมิน


แม่ชีเมี้ยนตรัสชี้ ศาสตร์พระภูมีที่นำมา ต้องใช้พิจารณา

หลวงพ่อนิพนธ์ อรรถาธิบาย นั่นคือจะทำสิ่งไรต้องเอาเหตุเอาผล พิจารณาให้เห็นสัจธรรมความจริง การกระทำที่ทำจึงยินยอมพร้อมใจ และตรงเป้าหมาย ด้วยรู้ว่าสิ่งที่ตนทำผลจะเป็นเยี่ยงไร

มนุษย์เรียนศาสตร์มากมาย ล้วนแล้วแต่เพื่อสุขกาย แต่ศาสตร์เพื่อสุขวิญญาณ ไม่มีใครสน ศาสตร์ของพระภูมีที่อุบัติในประเทศไทย คือ "กรรมอุปาทาน" ใช้ช่วยตนพ้นทุกข์ ถูกเมิน

ไม่แปลกเมื่อทุกข์เกิด จึงไม่รู้หนทางช่วยตน สิ่งที่กระทำยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง เป็นลิงแก้แห

สาธารณสุขสั่งปิดชมรม เพื่อระวังโควิด ท่านพิจารณาไหมว่า แล้วจะให้คนป่วยไปไหน ไปโรงพยาบาลที่บุคลากรของท่านเวลานี้ เวลาจะกินจะนอนยังแทบไม่มีเวลาหรือ

ระเบิดเวลาที่คนมากหลายไม่รู้ หลวงพ่อนิพนธ์เคยอรรถาธิบาย ครั้งเมื่อช่วยผู้ป่วยเอดส์ ท่านว่าเชื้อเมื่อถูกยาเคมีทำลาย เชื้อที่เหลือนั้นจะไปหลบซ่อนในส่วนที่ลึกที่สุด เครื่องมือตรวจพบไม่เจอ ยาเข้าไม่ถึงก็นึกว่าหาย ครั้นพัฒนาตนได้ก็จะตีโต้กลับ นั่นคืออาการที่เรียกโรคหวน ดื้อยา ที่ซึ่งผลทำลายรุนแรงและรวดเร็ว

อย่าเพิ่งดีใจในตัวเลขที่บอกมีคนหายนัก

บทสรุป ยาชนิดใด ก็สู้ภูมิต้านทานของตนไม่ได้ แลไม่มียาชนิดใดที่จะสร้างภูมิขึ้นมาได้

สมุนไพรของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมานี่แหละทานเพื่อสร้างภูมิ เพราะทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ ที่ร่างกายตอบรับ

ภาพอดีตอาจย้อนมา ยุคที่คนไทยเมิน รถโมบายของอเมริกาและอังกฤษถูกส่งมาถ้ำกระบอก เพื่อพิสูจน์แนวทางบำบัดยาเสพติด

วันนี้ คนไทยก็เมินสมุนไพร หากแต่เมื่อวิทยาการถึงทางตัน เราก็อาจเห็นรถโมบายของอเมริกาและอังกฤษ ปรากฎให้เห็นอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์สมุนไพรช่วยวิกฤตในวันนี้ของประชาชนพลเมืองเขา

นี่แหละบทพิสูจน์ คนไทยไม่เอาศาสนา

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44