วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

มาตรฐาน กับความเชื่อ


องค์ประกอบหลักในการหายโรค หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า มีเพียงสองสิ่ง นั่นคือ มาตรฐาน กับ ความเชื่อ ใครทำได้คนนั้นย่อมประสพผลการหายโรคอย่างแน่นอน

คำอรรถาธิบายรายละเอียด ที่ว่ามาตรฐานคืออะไร หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวคำตรัสของแม่ชีเมี้ยนไว้ว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโลกหรือจักรวาลมีเพียงสองสิ่ง นั่นคือ กรรมศักดิ์สิทธิ์ และ ธรรมศักดิ์สิทธิ์

การที่มนุษย์ผู้หนึ่งผู้ใดจะได้สัมผัสสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองนี้ ย่อมทำได้ด้วยการทำตนให้มีคุณสมบัติตามนั้น เริ่มจากเอานิสัยนั้นมานำ แล้วกระทำเป็นมาตรฐาน นั่นคือ ทำจนเคยชินเป็นกิจวัตร ผลของมันก็คือ ความศักดิ์สิทธิ์ ทำอย่างไรได้อย่างนั้น

ผลแห่งการกระทำนั้น เรียกว่า ตัวกระทำ ทำแล้วไม่ตาย ใครจักมาทำลายไม่ได้เลย เมื่อทำแล้วเป็นตน นั่นคือ สิ่งที่จะเกิดหรือรอเราท่านในวันข้างหน้า

หากบุคคลใดเชื่อกรรม ก็เอานิสัยกรรมมานำตน แล้วกระทำตามนิสัยนั้น ความศักดิ์สิทธิ์ของกรรมก็จักบังเกิด ตามตัวกระทำนั้นๆ หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักกล่าวเสมอว่าไม่ต้องแปลกใจ เมื่อตัวกระทำมาถึง ไม่ว่าอยู่แห่งหนตำบลใด ที่ใดในโลก โรคมันจึงมาเอง ไม่ต้องเชิญ จะหลบหลีกสักฉันใด กินดี อนามัยสักเพียงใด มันก็มา นี่แหละเรียกว่าความศักดิ์สิทธิ์ของกรรม

ในทางกลับกัน คนที่อยากสัมผัสความศักดิ์สิทธิ์ของธรรม ก็ต้องอาศัยภูมิปัญญาของพระภูมี นั่นคือธรรมคำสอนที่แท้จริง มานำตนเป็นอุปนิสัย บางสิ่งบางอย่าง ที่เด่นชัดนั่นคือความสงบ การทำตนเป็นผู้ให้ ให้สุขแก่เขา เมื่อทำเป็นอุปนิสัย การกระทำก็จักเกิดเป็นบุญ เป็นตัวกระทำเหมือนกระทำกรรม มีคุณสมบัติให้ธรรมศักดิ์สิทธิ์ เกื้อหนุน ลบล้างกรรมที่ทำมาได้

อันจะเรียกว่า ธรรมล้างกรรม ก็อาจจะดูขัดๆ เพราะที่จริงแล้ว หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า เป็นการทุกข์ก่อนซะมากกว่า แต่แทนที่จะทุกข์กับกรรม ก็มาทุกข์กับวินัยธรรมแทน

ดังนั้นคนที่จะหายโรค ดูหนทางแล้วก็เป็นทางลำบาก ต้องทุกข์ หากแต่เป็นทุกข์กับวินัยธรรมที่พระภูมีบัญญัติ ต้องสวดมนต์ ต้องทำใจ ต้องทำนิสัย พูดง่ายๆ ต้องเป็นคนดี หรือจะพูดให้ฟังง่ายก็คือ ไม่สามารถจะทำกรรมเพิ่มอีกแล้ว เพราะที่มีมันก็กำลังจะจมเรือชีวิตจนล่มแล้ว น้ำหนักอีกน้อยนิด ก็เพียงพอแก่การจมเรือชีวิตของเราท่านแล้วนั่นเอง

คุณสมบัติแรก จึงต้องยืนในวินัยทุกข์ให้ได้ จนกลายเป็นนิสัย คุ้นชิน จนได้คุณสมบัติให้ธรรมศักดิ์สิทธิ์เกื้อกูล

จากคำสอนนี้จึงเห็นได้ชัดว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีเองตามธรรมชาติ มนุษย์สร้างไม่ได้ ... สิ่งที่มนุษย์สร้างแล้วอ้างว่าศักดิ์สิทธิ์ จึงเป็นเพียงการกล่าวอ้าง ดั่งจะเห็นได้ว่า ยามปกติ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น ก็อ้างได้ว่าช่วยนั่นช่วยนี่ แต่ยามที่ชีวิตมีปัญหา โรครุมเร้า ลองเอาไปถวายสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นซิ ทำพิธีกรรมแบบนั้นซิ ผลก็คือ ทำเท่าไรก็ไร้ผล ทำไมต้องไปโรงพยาบาล ทำไมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ช่วย ก็มันไม่มีตัวไม่มีตน มันเป็นลม .ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเอง ท้ายที่สุด ก็ต้องไปโรงพยาบาลนั่นเอง

ปัจจัยที่สอง คือ ความเชื่อ อันเป็นสิ่งที่วิทยาศาสตร์ เข้าไม่ถึง หรือ ไม่พูดถึง จึงเป็นเหตุที่กล่าวว่า โรคนี้ไม่มียารักษาได้นั่นเอง อันได้แก่ความเชื่อเรื่อง กรรม

พระภูมีได้ชื่อว่าเป็นพหูสูตร มีความรู้รอบครอบจักรวาล นั่นหมายถึง รู้เรื่องกรรม นั่นเอง จึงตรัสว่า ทุกสิ่งเป็นไปตามกรรม จึงชี้มูลเหตุแห่งการเกิดโรคว่า เกิดจากอำนาจกรรม ที่ทำมานั่นเอง เป็นนายที่ดลบันดาลบริวารให้เกิดเป็นรูปธรรม นั่นคือ โรค

ก็เมื่อไม่เชื่อ หรือ ไม่พูดถึงเรื่องกรรม สิ่งที่แก้จึงเป็นปลายเหตุ หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ให้เห็นว่า ทำไมยาเคมี จึงเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ทำได้แค่ระงับ เพราะไม่เอาต้นเหตุ หรือ แก้ที่กรรม นั่นเอง

การจะปฏิบัติธรรมหมวดสมุนไพร ผู้สอนจึงต้องนำเหตุผลมากมาย เพื่อให้ผู้ทำ เชื่อก่อนว่า มีเหตุมาแต่กรรม หากผู้ทำไม่สนใจ ไม่เชื่อเรื่องกรรมแล้วไซร้ ก็จักไม่สร้างคุณสมบัติ หรือเรียนรู้วินัยธรรม มาควบคุมตน

เมื่อขาดเสียซึ่งคุณสมบัติ ก็ขาดเสียซึ่งธรรมศักดิ์สิทธิ์มาเกื้อหนุน

การทานสมุนไพรเพียงอย่างเดียว หลวงพ่อนิพนธ์จึงอุปมาเหมือนมีแต่ปืน ไม่มีลูก แม้นจักทานสักฉันใด ด้วยอำนาจสมุนไพรเพียงอย่างเดียว ดีที่สุดก็ได้แค่ยื้อ เรื่องหายโรคนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย

ความสับสนประการหนึ่ง นั่นคือ ความเชื่อ กับความศรัทธา

พระภูมีบัญญัติธรรมมาเป็นสายกลาง จึงแยกความเชื่อกับความศรัทธาออกจากกัน คนที่อยากหายโรค อยากสัมผัสความไม่มีโรค ไม่จำเป็นต้องมีความศรัทธา เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ไม่ต่้องเปลี่ยนแปลงตนมานับถือพระพุทธเจ้า ไม่จำเป็น

ของเพียงมีความเชื่อในพระธรรมคำสอน อันเป็นอำนาจธรรม แล้วทำตามคำสอนนั้น ทำตามวินัยธรรมเป็นบางสิ่งบางอย่าง ก็เพียงพอแล้วต่อการได้สัมผัส ความไม่มีโรค

หากแต่สิ่งที่เด่นชัด นั่นก็คือ การมีคุณสมบัติของความสงบ การมีคุณสมบัติของการเป็นพระเวสสันดร คือผู้ให้ ซึ่งมีวงเล็บซ้อนอยู่ที่หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็น นั่นคือ การให้แก่ผู้ยากไร้ ผู้ขาดแคลน และสิ่งที่ให้แล้วได้ผลกลับมาดีที่สุด นั่นคือ สมุนไพร

เราจึงไม่แปลกใจเลยว่า คนไข้อาวุโสท่านหนึ่งเป็นชาวอิสลาม มาจากจังหวัดอยุธยา มาด้วยโรคเดียวกับคุณปรียานุช กล่าวให้ฟังว่า ตัวเธอเองมาที่นี่ ๔ ปี แล้ว ตอนที่มาหมอบอกว่าเกิดสภาวะกระดูกบางเป็นกระดาษ เกิดอาการปวดมาก และมีความเสี่ยงสูงที่จะเสียชีวิต หากเกิดอุบัติเหตุ หมอก็ช่วยสุดความสามารถ ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้แล้ว นั่นหมายถึง ชีวิตต้องดำเนินไปอย่างระวัง

มาที่มูลนิธิ นับตั้งแต่เริ่มก็ได้สมุนไพรปกติทั่วไป เขียว ไพล ดำ เมื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าเป็นโรคกระดูก ก็ได้รับยากระดูกหมู ทานเพียงครั้งเดียว ก็รู้ว่าตนทานได้ยาก ประกอบกับเป็นอิสลาม จึงไปกราบแม่ชีเมี้ยน ขออนุญาตไม่ทาน แต่ก็มุมานะทานเฉพาะสามชนิดที่รับมา

วันเวลาผ่านไป ๔ ปี เธอเล่าว่า ปกติก็ไปตรวจกระดูกเสมอ มาวันนี้ก็ยังทานสามชนิดเหมือนเดิม ไม่เคยขออย่างอื่นเพิ่ม ผลการตรวจล่าสุเดของเธอ ตอนนี้กระดูกของเธอหนาขึ้นมาเกือบนิ้่ว เป็นปกติแล้ว

สีหน้าที่ยิ้มแย้ม ในความยินดีต่อสุขภาพที่ได้รับ แม้นจักต้องเดินทางมาทุกสัปดาห์ตลอดสี่ปี เธอก็เลยกล่าวทิ้งท้ายว่า ปกติเธอจะทำมัสมั่นมาในวันงานประมาณ ๖๐ กิโล ปีนี้งานแม่ชีเมี้ยนเธอคิดว่า จะเพิ่มเป็น ๑๐๐ โล

หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักชี้ให้เห็นว่า คนบางคนสวดมนต์ไม่ได้ ฟังธรรมไม่รู้เรื่อง คนเหล่านี้หายด้วยวิธีใด .. ควรพิจารณา จะได้รู้ว่า แก่นของการหายโรคอยู่ที่ใด

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44